งบน้อย อยากเปิดร้านคาเฟ่ สายเครื่องดื่มและไอศครีม ต้องทำอย่างไร
top of page
  • Taylor Sweet Creations

งบน้อย อยากเปิดร้านคาเฟ่ สายเครื่องดื่มและไอศครีม ต้องทำอย่างไร


ความฝันของคนไทยยุคใหม่ทั่วไปส่วนใหญ่ คงหนีไม่พ้น "อยากมีร้านกาแฟ คาเฟ่ เป็นของตัวเอง" บางคนยอมออกจากงานเพื่อมาทำตามฝัน บางคนคิดว่าจะทำเป็นอาชีพเสริมควบคู่กับงานประจำ ผมจะบอกว่ามันเป็นสิ่งไม่ผิด และมันเกิดขึ้นได้ทั้ง 2 แบบ ใจของคุณที่เดินมาสายคาเฟ่ ย่อมจะต้องมองว่า ทำไม คุณถึงเลือกเดินมาทางนี้ สาเหตุเช่น อร่อย ง่าย ทานได้ทุกวัน ใครๆก็เริ่มธุรกิจได้ด้วยเงินไม่เยอะ ถูกต้องครับ สาเหตุเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้น แต่ผมกล้าบอกได้เลยว่า มีแค่ 5% เท่านั้น ที่จะประสบความสำเร็จขยายสาขา แตกแฟรนไชส์ระยะยาว 95% จะตายลงไปภายใน 3 - 5 ปี

ฉนั้นสิ่งที่ต้องมีคือ Passion (ความอยากที่จะทำสิ่งๆนึงจนถึงขีดสุด) คุณต้องมีความสนใจ ใส่ใจ และลุ่มหลงในสิ่งที่คุณเลือกมากๆ และใช้ Passion เปลี่ยนเป็นพลังในการก้าวเดินต่อไป จริงๆก็พูดยากนะครับ เพราะแต่ละคนที่ Passion ไม่เท่ากัน นอกจากนี้ อาจารย์จาก Internet หรือ โค้ช ทั้งหลาย ก็ชอบบอกว่า คุณมี Passion อย่างเดียวมันไม่พออีกต่างหาก ต้องมีระบบ บลา บลา บลา.... ก็แล้วแต่เค้าจะตีความคำว่า Passion ยังไงนะครับ

การที่คุณจะเริ่มลงมือทำอะไรนะครับ คุณก็ต้องคิดให้ละเอียด ต้องมี Tools มารองรับ มาวิเคราะห์ คิดคำนวณต้นทุน หา Suppliers ต่างๆ ดู Trend ธุรกิจทำกำลังจะมา และที่กำลังจะตาย โค้ชหลายท่านกล่าวว่า ทำอะไรต้องคิดให้ละเอียด คำนวณใส่กระดาษ ถ้าเจ๊ง ก็เจ๊งตั้งแต่ในกระดาษเสียก่อน ผมจะบอกอะไรให้นะ คนที่มันอยากจะทำธุรกิจน่ะ มันไม่มีคำว่าเจ๊งในกระดาษหรอก เพราะมันเกิดความ Bias "อคติ" ในความคิดยังไงล่ะ แค่คุณคิดอยากจะทำอะไร สิ่งนั้น ก็จะเวิร์คไปหมด เชื่อผมสิ แต่สิ่งที่จะทำให้คุณเริ่มต้นได้ดี คือ เวลา ใช้เวลา ศึกษาหาข้อมูล อ่าน Case Study เยอะๆ อย่างมองโลกสวย เพราะรู้มั๊ยว่า การสร้างร้านๆนึง มันเหนื่อยสาหัส ขนาดไหน คุณต้องมี Tools ต้องใช้ Tools ให้เป็น คุณต้องหาข้อมูล Suppliers เยอะๆ และอื่นๆที่ผมไม่สามารถพูดหมด

ผมจะแนะนำ Tools Marketing ตัวนึง มันเป็น Tools สากลที่ทั่วโลกใช้ และผมได้ร่ำเรียนมาสมัยมหาวิทยาลัย ก็คือ 7Ps แต่ในความเป็นจริงสำหรับคนที่จะเปิดร้าน อย่างน้อยมันก็เป็นพื้นฐานให้คุณได้วิเคราะห์ก่อนที่จะลงมือทำ ผมจะเลือกมาให้แค่ 4Ps เท่านั้น คือ Product | Price | Place | Physical Evidence ก็เพียงพอต่อคนธรรมดาคนนึงที่มีงบจำกัดจะเริ่มกิจการได้ ผมจะอธิบายหลักการในแต่ละ P ดังนี้

1) Product (สินค้า) : คุณจะลงสินค้าอะไร เช่น คาเฟ่ร้านกาแฟ ร้านไอศครีม ร้านชานมไข่มุก คุณลองคิดวิเคราะห์ดู ว่า

+ คุณทำสิ่งนั้นได้ดีแค่ไหน และจะดีกว่าคนอื่นหรือไม่ โดยไม่ใช่แค่คิดไปเองว่าคุณทำมันได้ดี

+ คุณมีอุปกรณ์พร้อมที่จะผลิตเป็นจำนวนมากขนาดไหนในระยะยาว

+ Trend ตอนนั้นเป็นอย่างไร เป็น Trend ระยะยาว หรือ ระยะสั้น

+ คุณหา Suppliers ที่จะดูแลคุณไปตลอดได้หรือยัง

แล้วคุณค่อยคิดว่าคุณจะขายอะไร เมื่อคุณมีข้อมูลทุกอย่าง

2) Price (ราคา) : การตั้งราคานั้นสำคัญ คุณเป็นเจ้าของพื้นที่ คุณต้องดูคู่แข่งทั้งทางตรงและทางอ้อม ว่ารอบพื้นที่คุณนั้น ตั้งราคากลางอยู่ประมาณเท่าไร ถ้าคุณเจอคู่แข่งทางตรง (สินค้าเดียวกัน) คุณก็ต้องสร้าง Brand Image ให้ชนะคู่แข่ง

+ ถ้าคุณจะขายแพงกว่า Brand Image คุณต้องหรูกว่า และ Product คุณต้องดีกว่า หรือ น่าสนใจกว่า

+ หากคุณจะตั้งราคาถูกกว่า คุณก็ต้อง Brand Image ให้ชัดว่า ของคุณถูกและหลากหลากหลายกว่า และคุณต้องเน้น Volume และตั้งอยู่ในที่ที่ลูกค้าผ่านเยอะที่จะทำให้คุณข้ามผ่านจุดคุ้มทุนในแต่ละวันได้

3) Place (สถานที่) : สำคัญสุดๆ แทบจะอันดับ 1 จนคนทำธุรกิจพูดเป็นเสียงเดียวกัน

การหาสถานที่ จะสัมพันธ์ กับ Product และ Price ของคุณแน่นอน ผมจะยกตัวอย่างง่ายนะ ว่าร้านแบบไหนควรอยู่ที่ไหน

+ ร้านคาเฟ่ ร้านกาแฟ เก๋ๆ ชิคๆ : สถานที่ ที่ควรอยู่ สำหรับผม ผมคิดว่า แหล่งที่มีนักศึกษา มีออฟฟิต หรือย่านใจกลางเมือง ที่รถไฟฟ้าเดินทางถึง หรือถ้าคุณแน่จริงว่าสินค้าคุณดีพอ แปลกพอ คุณอาจจะไปอยู่ในที่ลับๆ แต่สามารถดึงคนจาก Social ได้ ไม่จำเป็นต้องขึ้นห้างก็ได้ เพราะมันยากเสียเหรอเกิน

+ ร้านชานมไข่มุกแบบราคาถูก - กลาง : จริงๆแล้ว แทบจะอยู่ได้ทุกที่ที่คนผ่าน เน้น"คนผ่าน" นะครับ และปริมาณต้องมากพอ เป็นหมื่นคนต่อวันด้วยนะครับ หลายคนคิดว่า คนผ่านร้านคุณ 100 คนซื้อสัก 10 คนก็พอ มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ สถิติที่ผมเคยเก็บนะครับ คนผ่าน100 คน แต่คนที่จะเข้าร้านคุณ มีไม่เกิน 1 คนเท่านั้นครับ เพราะฉนั้น อย่ามองโลกสวยนะครับ

+ ร้านไอศครีม ฮาร์ทเสริฟ / ซอฟเสริฟ : อันนี้ Hilight เลย เพราะจากประสบการณ์ตรงของผม ร้านไอศครีม โดยเฉพาะซอฟเสริฟน่ะ เหมาะกับอยู่ที่ในที่ผ่านเป็นปริมาณมาก เพราะมันเป็น Product ประเภท Take Away เป็นส่วนใหญ่ เวลาเดินผ่าน ไม่คิดมาก ควักเงินซื้อได้เลยเพราะความน่าทาน ไม่มีหรอกครับที่คุณไปลงรีวิวใน Blog ต่างๆ หรือ Boost Facebook แล้วคนจะเดินทางมาร้านของคุณเพื่อมาทานไอศครีมโดยเฉพาะน่ะ

4) Physical Evidence (สิ่งที่ลูกค้าเห็นด้วยสายตา) : หัวข้อ Climax เลยครับ หน้าตา เป็นหน้าต่างของหัวใจครับ การเข้าถึงใจคน คุณต้องมีหน้าตาที่ดี หน้าตาร้าน หน้าตาสินค้า ก็เช่นกัน เพราะคนสมัยนี้อาหารจะอร่อยไม่อร่อย ขึ้นกับรูปลักษณ์ 70% ครับ ผมกล้าพูดได้เลยว่า คนสมัยนี้ เลือกบริโภคด้วยสายตา มากกว่าด้วยรสชาติครับ และเป็นส่วนสำคัญในการจดจำของลูกค้าของคุณในการขยายต่อยอดไปในอนาคตอีกด้วยครับ

เมื่อคุณศึกษาดีแล้ว ขอให้คุณลงมือทำ ผมกล้าบอกเลยว่า มีแค่ 30% เท่านั้นที่จะอยู่รอดในระยะแรก และก็จะเหลือ 5% ในระยะยาวอย่างที่ผมบอกน่ะแหล่ะ ผู้ที่อยู่รอด จริงๆแล้วไม่มีกลยุทธ หรืออะไรตายตัวหรอกครับ มันมีแค่คำเดียวครับคือ "ความเก๋า ประสบการณ์" ครับ โดยคุณอาจจะเริ่มจากการสำรวจตลาด ออกงานอีเว้นท์ไปเรื่อยๆ เพื่อเพิ่มพลังยุทธของคุณ จนวันนึงคุณแกร่งคุณแกร่ง คุณค่อยเริ่มหาพื้นที่ลงหน้าร้านก็ได้นะ

ผมจะบอกว่าคุณเตรียมตัวล้มได้เลย ล้มแล้วรีบลุก ล้ม10ครั้ง ลุกขึ้นได้ครั้งเดียวมันก็คุ้มแล้ว หรือ หลายๆท่าน เตรียมตัวออกจากงานประจำได้เลย ถ้าคุณคิดจะทำให้แบรนด์คุณให้เติบโตในระยะยาว อย่าฝันว่า จะทำงานประจำ และ ทำแบรนด์คุณให้เจริญเติบโตควบคู่กันไปได้นะครับ ตั้งแต่ผมเกิดมา ผมไม่เคยเจอครับ

พล Sweet Creations

092.941.9241

bottom of page