กว่าจะมาเป็น Sweet Creations (Thailand) ความล้มเหลว ก่อนความสำเร็จ ที่
top of page
  • พล Sweet Creations

กว่าจะมาเป็น Sweet Creations (Thailand) ความล้มเหลว ก่อนความสำเร็จ ที่ไม่เคยเล่า

ผมเชื่อนะครับ ว่าบริษัทที่เป็น Supplier แบบผมทุกบริษัท มักจะบอกลูกค้าอยู่เสมอว่า เรา เข้าใจและมั่นใจในสินค้าของเรา เข้าใจในความต้องการลูกค้า เป็นที่ปรึกษาให้ลูกค้าได้ เป็นคำพูดที่ "ใครก็พูดได้" เพื่อให้ลูกค้ามาสนใจสินค้าของตัวเอง แต่ผมมั่นใจนะ ว่าที่ปรึกษาที่ดี มันต้องผ่านความล้มเหลวจนเกือบตายมาก่อน ครั้งแล้ว ครั้งเล่า จนลุกขึ้นมายืนได้อีกครั้ง มีไม่ถึง 1% หรอกครับที่จะเปิดบริษัทมาแล้วรุ่งเลย ขายดีเลย เก่งเลย ถ้าลูกค้าของเรา อยากเปิดร้านไอศครีม คุณจะแนะนำลูกค้าด้านธุรกิจได้ หรือไปแนะนำว่าทำยังไงให้รอด สิ่งสำคัญคุณก็ต้องเคยทำหน้าร้านหรือทำอยู่ จนประสบความสำเร็จ และยังประสบความสำเร็จอยู่ เพื่อเป็นตัวอย่างและ Case Study ให้ลูกค้าคุณได้ศึกษา ถ้าคุณไม่มีหน้าร้านที่แข็งแกร่ง มันก็ไม่ต่างกับโฆษณาชวนเชื่อ สร้างฝัน เท่านั้นเอง

.

ความสำเร็จของผม มันเริ่มมาจากความล้มเหลว ขาดทุน ดื้นรนเอาชนะ และนี่คือสิ่งที่ผมจะมาเล่าให้ฟัง ว่าบริษัทของผม เริ่มจากตรงไหน ล้มเหลวยังไง กว่าจะมาประสบความสำเร็จเป็น Sweet Crations แบรนด์อันดับหนึ่งด้านไอศครีมซอฟเสริฟ มีบริการแบบครบวงจร จริงใจ จนได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามากกว่า 1,000 ราย ทั้งในและต่างประเทศ ณ ตอนนี้

เรื่องมันเริ่มจากปี 2012 ผมและหุ้นส่วนเป็นเด็กยุคใหม่ไฟแรง ที่จบปริญญาโทจากประเทศอังกฤษทั้งคู่ เราจบพร้อมกันแล้วกลับมาประเทศไทย เมื่อกลับมาผมก็มีความฝันเหมือนกับเด็กนอกหัวสูงทั่วไป ที่อยากทำงานบริษัทดีๆ ตำแหน่งใหญ่ และอยากมีร้านขนม ร้านกาแฟรายได้เสริม ถูกต้องครับ ผมได้เป็น ผู้จัดการธนาคาร TMB และหุ้นส่วนผมยังหางานอยู่ วันนึง เราไปเดินเล่นที่โครงการ Community Mall ชื่อดังที่ชื่อว่า The Circle ร้านพฤกษ์ ณ ตอนนั้น คนที่ไม่มี Profile ทำร้านแบบพวกผมคงเข้าห้างดังคงลำบาก แต่ The Circle กลับให้ผมส่ง Propasal แบรนด์ที่อยากทำ ประจวบกับทางโครการเพิ่งมีแบรนด์ย้ายออกจากพื้นที่ตรงนั้นพอดี ผมจึงได้คิดชื่อแบรนด์กันเล่น นั่นคือแบรนด์ Owlvee Soft ที่เน้นขายไอศครีมซอฟเสริฟแค่ 2 รสชาติคือ เต้าหู้วนิลลา กับ ชาเขียวบวก Toppings นิดหน่อยสายสุขภาพ เพราะเราไปรุ้ว่า ซอฟเสริฟมันทำง่าย แค่ มิกซ์ไอศครีมฉีกซองผสมน้ำแค่นั้น และเราก็รับวัตถุดิบจาก Supplier เจ้าหนึ่งในเวลานั้นมาทำ

.

ณ เวลานั้น ด้วยความมือใหม่ พวกผมเหนื่อยกันมากในการสร้างร้าน ไหนจะงานประจำ ไหนจะมาเฝ้าร้านไอศครีมหลังเลิกงานสลับกับหุ้นส่วน เพราะเรายังหาพนักงานไม่ได้ ยอดขายของเราต่อวันช่วงนั้น ได้แค่ วันละ 3,000 - 5,000 บาท ตกแล้วเดือนๆนึงเราทำยอดขายได้แค่ 1-1.5 แสน กับค่าเช่าที่ 30,000 บาท ค่าวัตถุดิบ และค่าพนักงานต่างๆ เราเหลือกำไรแค่เดือนละไม่ถึง 20,000 บาท และบางเดือน เราก็ได้ยอดขายไม่ถึงแสนนะครับ ช่วงฝนตก เราเคยทำยอดขายได้วันละ 400 บาทก็มี เพราะร้านเราอยู่ Out door แน่นอนครับ เราอยู่ไม่ได้ เราไม่มีกำไร แต่ผมยังดีที่มีตำแหน่งเป็นผู้จัดการธนาคาร มีรายได้ครึ่งแสนอยู่ ณ ตอนนั้น

เมื่อรายได้มันน้อย เริ่มอยู่ไม่ได้ ด้วยกำไรอันน้อยนิดจนถึงเกือบขาดทุน จากนั้น 6 เดือนต่อมา เราก็เริ่มหาช่องทางใหม่ๆ จนไปเจอลาน Event ชั่วคราวของห้าง Siam Paragon มันจุดไฟเราอีกครั้ง เพราะด้วยจำนวนคนที่เยอะ และดูท่าจะทำยอดขายดี เราจึงได้เสนอแบรนด์เราเข้าไป เอาสินค้าไปให้ชิม และมีโอกาสได้ออกงานจริงๆครับ มันเป็นงานแค่ 15 วัน ในช่วงนั้น ผมต้องไปสร้าง บูธออกงาน หาอุปกรณ์ใหม่ เช่าเครื่องไอศครีมเพื่อไปขายงานนี้ให้ได้ ขณะที่ทำงานประจำไปด้วย ความโหดร้ายมันอยู่ที่ งานมันยากและเยอะกว่าที่คิดจริงๆ พนักงานก็หายาก การเข้าไป Set Up งานในห้างเป็นเรื่องที่ยากที่สุด ผมตัดสินใจลาออกจากงานประจำ ทิ้งเงินเดือน ครึ่งแสน เพื่อมาทำงานนี้ แค่ 15 วัน แต่มันเป็น 15 วันที่สวยหรูมาก ผมมียอดขาย วันละ 8,000 - 15,000 บาท ซึ่งไม่เคยทำได้มากก่อน จบ 15 วัน เรามียอดขายเกือบ 2แสน แต่!!! เราโดย Siam Paragon กิน GP ไปถึง 30% นะครับ แต่ด้วย Soft Serve มันเป็นอะไรที่ต้นทุนต่ำอยู่แล้ว เราจึงโชคดีกว่าเจ้าอื่นๆสินค้าประเภทอื่น ที่ขายดีกว่าเราแต่ต้นทุนสูง

.

เรื่องมันเริ่มคือ หลังจบ 15 วันนี้แหล่ะครับ จบมาแล้ว ผมก็ต้องมารับภาระของสาขา The Cirlcle ต่อไป โดยไม่มีเงินเดือนผู้จัดการธนาคารมาโอบรับอีกต่อไป งานเข้าล่ะสิ ผมกะหุ้นส่วน เลยเริ่มกลายเป็นสายตระเวรหางาน Events เลย และเราก็ได้มาหลายงาน มีหลายงานเลยที่กำไรรุนแรง และหลายงานที่ขาดทุน งานที่กำไรดีๆยอดขายดีๆ มักจะมาในที่ที่คนพลุกพล่าน เช่น เครือ The Mall , Central ต่างๆ ส่วนงานที่กำไรน้อยยอดแย่ มันจะเป็นพวก Oganize จัด หรืองาน Art Box ต่างๆ ถ้วเฉลี่ยกันไป แต่อยากจะบอกว่ามันใช้แรงงานตัวเองแบบเหนื่อยสุดชีวิตเลยล่ะครับ แต่การออกงานบ่อยๆ ก็มีข้อดีอย่างนึงคือเราได้พัฒนาสินค้าเราจนรู้ว่าควรขายอะไร ขายเท่าไร ขายที่ไหน เอาอะไรมาเสริม จนเราทำยอดขายต่อวันสูงสุด 100,000 บาทต่อวันมาแล้ว ถึงจะเหนื่อย แต่พอเห็นเงินที่ได้ต่อวัน มันก็มีความสุขครับ

ในช่วงหมดหน้างานอีเวนท์ เราก็กลับมาดูแลร้านสาขา The Circle เหมือนเดิม ด้วยความที่เรามีเวลา พัฒนาสินค้า แตกไลสินค้าไปเป็นเครื่องดื่มชาเขียว ทำให้ยอดขายเราเพิ่มขึ้นมากกว่า 30% และพอเหลือกำไรอยู่บ้าง ผมจึงคิดว่าการมีหน้าร้านมันก็เป็นอะไรที่ดีนะ มันทำให้เราเจอลูกค้า รู้ตลาด และเอาตัวรอดในสถานที่นั้นๆ แต่ทุกอย่างไม่ใช่แค่ความพยายาม หรือความเก่งครับ มันเป็นเรื่องของโชคชะตาฟ้าลิขิตด้วย วันหนึ่งมีลูกค้าที่ชื่นชอบใน Concept ร้าน Owlvee Soft ของผม เดินเข้ามา มาติดต่อขอซื้อ Franchise ด้วยความที่เป็นมือใหม่ ผมจึงปฏิเสธไป แต่จุดเริ่มต้นมันอยู่ตรงนี้แหล่ะครับ ผมเสนอลูกค้าว่า ผมสามารถส่งวัตถุดิบให้ได้นะครับ ก็เพราะมันเป็นแค่มิกซ์ไอศครีม ผสมน้ำแค่นั้นเอง และลูกค้าก็ตกลง ทำให้ผมได้มีลูกค้ารายแรกขึ้นมา

.

สิ่งที่ผมต้องเตรียมให้ลูกค้ารายแรกของผม ก็คือการแพ็คสินค้าส่งขนส่งไปให้เค้าที่ ชลบุรี พวกผมก็ได้ศึกษาช่องทางต่างๆ และวิธีการแพ็ค แบบบ้านๆ เราทำกันในโรงรถในบ้านก่อนในช่วงแรก ผลตอบรับของลูกค้ารายแรกของเรา มันคือดีมาก ลูกค้าเอาไปขาย โดยใช้แบรนด์ของเค้าเอง ทำให้เกิดการติดปากติดใจ และบอกต่อๆกัน และทำให้ผมมีรายได้อีกทาง มาถึงตอนนี้ผมมีรายได้ 3 ทางแล้วคือ หน้าร้าน Owlvee Soft , รับงานอีเวนท์ และ ขายส่งให้ลูกค้า 1 ราย จากนี้ กระบวนการศึกษาหาช่องทางการขายจึงเริ่มขึ้น ผมเริ่มทำ Facebook และ Web Site สำหรับธุรกิจขายส่งผม โดยตั้งชื่อแบรนว่า Sweet Creations เป็นครั้งแรก โดยผมและหุ้นส่วนลงมือออกแบบสื่อ Online และ Social เองทั้งหมด จากที่เราเริ่มทำสื่อและเว็บ ทำให้เราเริ่มมีลูกค้าเข้ามามากขึ้นเรื่อย เป็นหลัก 10 รายในปีครึ่ง และเพิ่มมากกว่า100 รายเมื่อเข้าปีที่ 2

เริ่ม ปีที่ 2 เราเริ่มขยายการผลิต โดยเราไม่ทำในโรงรถแล้ว และจดทะเบียนสร้างบริษัท เอสดับซีแฟคตอรี (SWC Factory.Co.,Ltd) ขึ้นมา และเราเราต้องไปเช่าตึกแถวเพื่อผสมผงไอศครีม เราศึกษาวิจัยข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวกับธุรกิจ Soft Serve เราคุยกับ Suppliers วัตถุดิบมากมาย เราสามารถนำเข้าวัตถุดิบและผลิตมิกซ์ไอศครีมเองได้ เราดีลเครื่องทำไอศครีมกับโรงงานต่างประเทศโดยตรง เราดีลกับทีมช่าง Service ระดับวิศวกร เพื่อดูแลเครื่องไอศครีมของเรา เราแตกไลด์ไปเป็นรับออกงาน Caterings เช่นพวกงานสังสรรค์ งานแต่ง และมีให้เช่าเครื่องไอศครีมอีกด้วย การเติบโตในปีที่ 3 ถือว่าขีดสุด รวมถึง เราสามารถขาย Franchise แบรนด์ Owlvee Soft ออกไปได้อีก 5 สาขา ในห้างดัง ณ เวลานั้น เรากล้าเรียกตัวเองว่า Expert ได้อย่างภาคภูมิใจ เพราะมีแบรนด์ดังมากมายเข้ามาหาเราให้เราทำ OEM กระแสใน Online และ Social ทำให้เราติดหน้าหนึ่งทั้งหมดในการค้นหาด้วย Google ด้วยคีเวิร์ดเกี่ยวกับธุรกิจไอศครีมซอฟเสริฟ อย่างรวดเร็วจนขึ้นอันดับหนึ่งทั้งหมด แต่ก็ไม่หยุดพัฒนาต่อเนื่อง เราสามารถ แตกรสชาติของไอศครีมออกไปมากกว่า 100 รสชาติ รวมถึงเป็นผู้ขายส่งวัตถุดิบทำเบเกอรี่ให้โรงงานและลูกค้าทั่วไปอีก เราพัฒนาสินค้าอยู่เบื้องหลังภายใต้แบรนด์ดังมากมาย จนเข้าสู่ปีที่ 4 ลูกค้าเรามีมากกว่า 1,000 ราย และสามารถส่งออกไปยังต่างประเทศ และการเติบโตขึ้นของยอดขายต่อเนื่องมาถึง 7 ปี รวมถึงแบรนด์ Owlvee Soft ต้นกำเนิดของเราก็พัฒนาตัวเองไปอย่างไม่ที่สิ้นสุดอีกด้วย

ณ วันนี้ เข้าสู่ปีที่ 7 การเติบโตเรา เข้าสู่เฟสใหม่ ขยายโรงงาน และการบริการลูกค้าไปถึงขีดสุด โดยเราลงทุนสร้างสำนักงานแห่งใหม่ ที่ครบวงจรที่สุดทางด้านไอศครีม Soft Serve และสร้าง Communities ขึ้นมาเพื่อให้ความรู้ทางด้านธุรกิจไอศครีมขึ้น รวมถึงศูนย์บริการด้านเครื่องไอศครีม Soft Serve ที่ครบครันที่สุดในประเทศไทยอีกด้วยครับ

.

เรื่องราวที่เกิดขึ้นมาในธุรกิจการดำเนินชีวิตของผม ผมหวังว่ามันจะเป็นกำลังใจ ให้ใครต่อใครหลายคน รวมถึงลูกค้าผม ที่กำลังจะเริ่มดำเนินธุรกิจ ว่าชีวิต มันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ กว่าจะแกร่ง กว่าจะโต ต้องผ่านการล้มมาแล้วเท่าไร บางคนอาจจะโชคดี ที่เปิดธุรกิจขึ้นแล้วดัง แล้วอยู่รอดเลย ก็มีให้เห็นเยอะไป ทั้งนี้มันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างด้วยแหล่ะครับ

พล Sweet Creations

ดู 446 ครั้ง
bottom of page